เป็นนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดีที่หลายคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี สำหรับ อู๊ด เป็นต่อ ที่เริ่มก้าวเข้าสู่วงการจากการเป็นลูกวงดนตรีกะท้อนและซูซู และตั้งวงดนตรีกับเพื่อนๆ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากในสมัยนั้นการไปเป็นนักดนตรียังถูกมองว่าเป็นพวกเต้นกินรำกิน
ต่อมาอู๊ดได้เป็นนักแสดงตลกคณะเหลือเฟือ มกจ๊ก โดยเล่นเป็นนักดนตรีเพื่อชีวิต แอ๊ด มกจ๊ก ล้อเลียน แอ๊ด คาราบาว จนความสามารถของอู๊ด
ได้ไปสะดุดตา จิรศักดิ์ โย้จิ้ว ผู้กำกับละครซิตคอม เป็นต่อ จึงได้ติดต่อให้เข้ามาร่วมแสดง มีประโยคเด็ดว่า “พี่น้องครับ” จนกลายเป็นอู๊ด เป็นต่อ ที่ทุกคนรู้จักถึงทุกวันนี้
นอกจากงานในวงการบันเทิง อู๊ดยังเปิดร้านชาบู เป็นธุรกิจส่วนตัว ซึ่งมีมากกว่า 30 สาขา เพราะด้วยความที่ชอบทำอาหาร โดยให้ภรรยาช่วยดูแล ซึ่งแบ่งหน้าที่กันชัดเจน
และยังมีลูกสาว 1 คนคือ น้องอันดา กระทั่งเกิดสถานการณ์โควิด ทำให้อู๊ดต้องปิดกิจการชาบูบอกลาพนักงานเป็นหนี้หลักล้าน ขายบ้านขายรถเพื่อเอาเงินมาหมุนต่อ
ล่าสุด อู๊ดได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตถึงจุดต่ำสุดในวันที่แทบจะเหลืออะไรว่า “ท้อคำแรกเลยพอมันลงมันไม่ได้ลงแค่เรามันร่วงทั่วประเทศ
เราเองต่างหากที่ควรโทษตัวเองให้มากที่สุด เรามีเราใช้ในเท่าที่มีเที่ยวเอาให้พอดีพองามไม่ต้องเว่อร์วังอลังการ
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือไปกินข้าวจะต้องคิดแล้วคิดอีก อะไรขายออกได้ก็ขายออกไปตัดภาระออกไป เรานอนบอบช้ำและเจ็บเลียแผลอยู่
ถึงตรงนั้นไม่มีใครช่วยคุณได้แม้แต่คนเดียว เรายึดคติไว้ว่าเราจะไม่เปิดแผลให้ใครดู ไม่มีใครทำเลยมีแต่เราทำตัวเราเอง
จากตอนนั้นที่มีอิสรภาพทางการเงินตอนนี้เหมือนติดคุกทางการเงิน ตั้งแต่เหตุการณ์โควิดมาทำให้เราคิดเยอะขึ้นเรารู้สึกว่าทำเพื่อคนข้างหลังมากขึ้น ทุกวันนี้เราโคตรมัธยัสถ์”
ขอบคุณข้อมูล: workpointnews