เป็นนักแสดงเจ้าบทบาทอีกคน สำหรับ แพร์ พิชชาภา เจ้าของตำนาน ‘พิไลเฝ้าเก๊ะ’ แห่งละครดังกรงกรรม ที่เธอเคยคว้ารางวัลในงานประกาศรางวัลคมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 16 ฐานะนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ประเภทละครโทรทัศน์-ซีรีส์ มาแล้ว และซีรีส์เรื่องใหม่ อย่ากลับบ้าน ทำเธอกลับมาปังในบท สารวัตรฟ้า สตรีผู้ไขความลับกับคดีพิศวง
ล่าสุด สาวแพร์ เธอได้มาเปิดใจเส้นทางในวงการบันเทิงกว่า 10 ปี พร้อมกับความเชื่อ? ที่กว่าจะใช้ชื่อจริงในปัจจุบันเธอเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 2 ครั้ง ในรายการคุยแซ่บshow
แพร์ เล่าว่า ก่อนที่จะเป็นแพร์ ที่ทุกคนรู้จักนั้น เธอเคยเปลี่ยนชื่อมา 2 รอบ ตั้งแต่เกิด หนูมีชื่อว่า “อลิสา” ต่อมาชื่อที่ 2 คือ “ณัฐฐิดา” และชื่อปัจจุบัน แพร์ พิชชาภา
เธอเล่าต่อว่า ตอนเปลี่ยนยังจำความไม่ได้ แต่คุณแม่บอกว่า ตัว อ. ลิ มันไม่มีสระตรงตัว อ. มันเป็นกาลกิณีกับคนเกิดวันอาทิตย์ เขาเลยไปให้พระเปลี่ยน ส่วนชื่อ “พิชชาภา” เป็นชื่อที่ 3
เปลี่ยนชื่อตอนขึ้น ม.4 หนูเปลี่ยนด้วยตัวเอง เพราะรู้สึกว่าเขียนชื่อที่ 2 แล้วมันไม่ถูกโฉลกกับใจหนู หนูอยากได้อะไรที่มันฟังง่ายๆ ปกติ
ปกติเวลาเปลี่ยนชื่อต้องมีอาจารย์ มีซินแส แต่ของแพร์?
มาจากทีวี คือจำไม่ได้ว่าเป็นชื่อนักแสดงจริงๆ หรือเป็นชื่อตัวละคร เขาชื่อว่าพิชชา แล้วหนูแบบสมัยก่อนคนจะไม่ชื่อ 2 พยางค์ หนูก็อยากชื่อนี้จัง เลยไปหาข้อมูล แต่พอเอาชื่อ พิชชา มาบวกกับนามสกุล เขาบอกว่าจะหลงไหลในสิ่งอบายมุข แต่มันก็ยังชอบชื่อนี้อยู่ ก็เลยไปหาแบบเติมท้าย ก็เลยรู้สึกว่าถูกโฉลกชื่อ “พิชชาภา” เอามาบวกกันก็ลงตัว
ถ้าย้อนไปก่อนหน้านั้นไม่ได้อยากเข้าวงการบันเทิง ?
ไม่ได้ไม่อยากแบบไม่เอา แต่เราไม่ได้คิดถึงตรงนี้ มันห่างไกลจากชีวิตเรามาก หนูเลยไม่ได้คาดคิดอะไรตรงนั้น ตอนเข้ามาคือช่วงม.ปลาย ม.6 ปลายๆ กำลังจะไปมหาลัย
ถ้าสมมติเราไม่ได้วงการบันเทิง เราจะไปทางไหน ?
อยากเป็นครู เพราะว่าคุณแม่เป็นครู เห็นคุณแม่ตั้งใจทำงาน ได้เป็นครูดีเด่นประจำปี แล้วเรารู้สึกว่านั่นคือไอดอลของเราในตอนนั้น แต่จริงๆ ก่อนที่อยากเป็นครู อยากไปบวช แต่แม่ไม่ให้ไป คือคนที่เขาเป็นศาสนาคริสต์ในโรงเรียน คนคริสต์เขาจะต้องเรียนคำสอนตอนเช้า
แล้วทุกปีเขาจะไปทัศนศึกษาแบบวัด หนูก็ไป แล้วหนูเคยเข้าอารามลับ ที่เขาโพกหัวเป็นซิสเตอร์สีดำ แล้วเขาก็จะไม่ออกมาเลย จริงๆ หนูค่อนข้างอินโทรเวิร์ต เอออยู่แบบนี้ก็ดีนะ ตื่นเช้ามาสวดมนต์ กินข้าว แล้วก็หลับไป
แล้วสรุปเข้าวงการบันเทิงได้ยังไง ?
ตอนนั้นมีโมเดลลิ่งติดต่อมา เหมือนเขาเป็นญาติของเพื่อนสมัยเรียนมัธยม แล้วเขาเหมือนจะเข้ามาทำงานในโมเดลลิ่ง เพื่อนก็เลยแนะนำไป เขากำลังอยู่ในช่วงหาเด็กเข้าในโมเดลลิ่ง เขาก็โทรติดต่อมา หนูก็แบบใครโทรมา แต่เป็นฟิวเราอยากหางานทำอยู่แล้ว เป็นช่วงแบบเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นพาร์ทมหาลัย ดูหนังฝรั่งเยอะ
หนูกำลังจะไปสมัครขายป๊อบคอร์นในโรงหนัง แล้วเขาก็ติดต่อมา แต่ตอนนั้นมีข่าวโมเดลลิ่งล่อลวงเด็กไปทำไม่ดีเยอะ หนูก็แบบกลัวจะถูกหลอกไหม หนูก็สองจิตสองใจ รู้สึกว่าถ้าไปได้เงิน หนูไม่อยากขอเงินแม่แล้ว ก็เลยเสิร์ชดู เป็นโมเดลลิ่งของพี่พอลล่า เทเลอร์ ของจริง
ขอบคุณข้อมูล: คุยแซ่บshow