สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์เตือนความจำเขมร เมื่อ 10 ปีก่อน

จากการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ซัดเดือด กัมพูชา “🇹🇭 จากคนที่หนีตาย… สู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง“ ข้ามพรมแดนมายังไทย

ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทย…เปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้น… ประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน”

แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดาๆ

ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา 🌾 การอพยพที่ไม่มีแผนที่ เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล

บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทาง บางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร

ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมายจุดหมายเดียวที่หวังพึ่งได้ คือ ชายแดนฝั่งตะวันออกของประเทศไทยโดยเฉพาะบริเวณ อรัญประเทศ, ช่องจอม, กาบเชิง, ปราจีนบุรี, ศรีสะเกษ

🏕️ ค่ายผู้ลี้ภัยบนผืนดินไทย ไทยตั้ง “ค่ายพักพิง” หลายแห่งเพื่อรองรับชาวเขมรที่หนีตาย ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ต้อนรับด้วยความระวัง

เพราะสถานการณ์ยังปะทุอยู่ แต่เราก็ยัง “ยื่นมือ” ให้พวกเขา… โดยไม่ลังเล ค่ายผู้ลี้ภัยจึงถูกตั้งขึ้นชั่วคราว เช่น ค่ายคลองลึก (𝐊𝐥𝐨𝐧𝐠 𝐋𝐞𝐮𝐤)

ค่ายเขาอีด่าง (𝐊𝐡𝐚𝐨-𝐈-𝐃𝐚𝐧𝐠) ค่าย 𝐒𝐢𝐭𝐞 𝐓𝐰𝐨 และ 𝐒𝐢𝐭𝐞 𝐁🇹🇭 “บางคนมาไทยในร่างเปลือยเปล่า แต่กลับจากไทยในสภาพพร้อมจะยืนได้อีกครั้ง…”

มีเด็กกัมพูชาหลายพันคนโตขึ้นในค่ายผู้ลี้ภัยบนแผ่นดินไทย บางคนเรียนหนังสือที่ครูไทยสอน บางคนรอดชีวิตจากวัณโรค เพราะหมอไทยรักษา

บางครอบครัวเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ ก่อนย้ายไปแคนาดา อเมริกา หรือกลับเขมรในเวลาต่อมา แต่ใครจะคิดว่า… เพียงไม่กี่สิบปีต่อมา เขมรกลับลืมทุกอย่าง!!!

ขอบคุณข้อมูล: สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม