สำหรับคดี สีกากอล์ฟ เมื่อวานที่ผ่านมา พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เปิดเผยว่าจากการสอบปากคำที่ผ่านมาเจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก พร้อมให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี
โดยในวันที่ 17 ก.ค. จะนำตัวสีกากอล์ฟส่งฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อฝากขังเป็นผัดแรก จากการสอบปากคำ สีกากอล์ฟ เบื้องต้นยอมให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยคบหาหรือมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระผู้ใหญ่หลายรูปตามที่ปรากฏเป็นข่าวจริง ส่วนสาเหตุที่มักเลือกคบหากับพระชั้นผู้ใหญ่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตนมีปมในอดีตจากการที่ถูกพ่อทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก
ทำให้โตมาในครอบครับที่ขาดความอบอุ่น สีกากอล์ฟ ยังยอมรับอีกว่า พระชั้นผู้ใหญ่รูปแรกที่คบหา หรือที่เรียกว่าเป็นรักแรกกับพระ คือ อดีตพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และ เจ้าอาวาสวัดท่าหลวง
เริ่มคบหากันตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปี 2558 และการคบหากับอดีตพระรูปนี้ก็เป็นคนที่ทำให้ตนช้ำใจ หรือเจ็บปวดมากที่สุดในบรรดาพระทั้งหมดที่เคยคบหา
ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ สีกากอล์ฟ เบื้องต้นพบมีบัญชีธนาคารส่วนตัว 2 บัญชี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีพระชั้นผู้ใหญ่ รวมไปถึงคนทั่วไป
โอนเงินเข้ามาให้เป็นจำนวนมาก รวมเป็นเงินกว่า 385 ล้านบาท และจากการที่มีพระผู้ใหญ่ต่างๆ คอยเลี้ยงดูให้เงินใช้จ่ายไม่ขาดมือ
จึงทำให้ สีกากอล์ฟ ติดนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหนักถึงขั้นเคยเดินช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าของใช้แบรนด์เนมต่างๆ ในห้างสรรพสินค้าวันเดียวกว่า 3 ล้านบาท
รวมถึงเล่นพนันออนไลน์ครั้งละ 5 แสนบาท โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมาในภายหลัง จนทำให้ปัจจุบันนี้เหลือเงินติดบัญชีเพียงแค่ 8,000 บาท เท่านั้น
