เป็นคู่ที่เพิ่งจะขอแต่งงานกันไปหมาดๆ สำหรับ หมอลำสาวคนดัง แพรวพราว แสงทอง และพระเอกลิเก ซัน ไมค์ทองคำ ที่ล่าสุด ทั้งสองได้ควงคู่กันมาเปิดใจในรายการคุยแซ่บ Show ถึงเส้นทางความรัก ซึ่งบางช่วงในรายการ แพรวพราว-ซัน ยังได้เผยถึงเรื่องที่ต้องฝ่ากระแสดราม่าคอมเมนต์และคนรอบข้างไม่เห็นด้วย อีกทั้งยังเคลียร์ข้อครหาท้องก่อน
จริงๆ คนรอบข้างก็ไม่เห็นด้วยที่รักกัน?
แพรวพราว : แฟนคลับซันก็จะเป็นอีกกลุ่มนึง กลุ่มลิเก กลุ่มนักร้อง กลุ่มละคร บางคนจะมองว่าซันมีโอกาสไปเจอผู้หญิงสวยอีกเยอะแยะ
แล้วลูกสองแล้วทำไมมาเลือกคบกับเรา บางคนก็ไม่เห็นด้วย ก็บอกซันว่าแพรวไม่ได้บังคับนะ ในมุมของเค้า บอกว่าคนที่จะรักซัน
ถึงซันอยู่จุดไหน คบกับใคร เค้าก็ต้องเปิดใจ เค้าคงจะรักซันเหมือนเดิมแหละ ถ้าคนเค้ารักด้วยความจริงใจจริงๆ
ซัน : ผมมองว่าไม่วันนี้ พรุ่งนี้ หรืออนาคต เราก็ต้องมีครอบครัว คนที่ที่รักเรา ซัพพอร์ตเราเค้าต้องเข้าใจ มนุษย์คนหนึ่ง ก็ต้องมีความรัก แต่แค่ในวัยไหน ช่วงไหน
พอลูกน้องเริ่มรู้ว่ามีความรักเกิดขึ้น เค้าก็ไม่กล้าเตือน?
แพรวพราว : เค้าไม่กล้า แต่ที่จริงเค้าเป็นห่วง เพราะเค้าเป็นผู้ชายค่อนข้างจะดื้อ ตอนแรกเค้ายังไม่พูด หลังๆ เค้าเริ่มเห็นว่าซันเริ่มจริงจัง
ลูกน้องก็เลยมาสารภาพว่า เป็นห่วง คิดว่าเราจะไปหลงเสน่ห์พระเอกลิเก เค้าก็ไม่กล้าพูด แต่พอเห็นซันเข้ามาแบบจริงจัง จริงใจ
ลูกน้องก็เลยมาสารภาพตรงๆ ว่าตอนแรกก็แอบกังวลและเป็นห่วง เห็นดราม่าเยอะ
แล้วก็เจออะไรมาเยอะ เค้าก็อยากให้เรามีความสุข พอมาเห็นแบบนี้เค้าก็โล่งใจ ได้เห็นซันแบบจริงจังขนาดนี้
แต่อีกด่านที่สำคัญมากคือเราเป็นคุณแม่ลูกสอง ผ่านด่านลูกยังไง?
แพรวพราว : ตอนแรกทะเลาะเลยค่ะ เพราะเค้าคิดว่าเราเป็นคนในโซเชียล มีดราม่าจะโยงเรื่องลูกนู่นนี่นั่น
เค้าไม่เล่นกับเด็กเลย แล้วเราก็มองว่าเธอไม่เอ็นดูลูกฉันเหรอ เธอไม่รักเด็กเหรอ แพรวก็ทะเลาะกับเค้า ถ้าเป็นอย่างนี้คือโน
ซัน : ในส่วนของซันมองว่าเราจะมีความเกร็งๆ บ้างในช่วงแรก แล้วเค้าเองก็มีเรื่องราวอดีตมาด้วย ไม่ได้สนว่าถ้าหลุดไปคนจะดราม่า
เพราะทำก็ดราม่า ไม่ทำก็ดราม่าอยู่แล้ว เราค่อนข้างจะเกรงใจว่ามันจะไปยุ่งกับเซฟโซนทางป้าเค้าด้วย จนเราเอาคำพูดเค้ามาคิด
ถ้าเราจะจริงจังกับเค้า นั่นคือลูกเค้า เด็กไม่รับรู้อะไร เราก็เลยเริ่มเล่น เพราะซันชอบเล่นกับเด็กอยู่แล้ว จนสุดท้ายก็เล่นด้วยกัน มันไม่มีอะไรเลย
แพรวพราว : หลังจากที่ทะเลาะกัน เค้าก็เริ่มเข้าหาเด็ก แต่ก็คิดทำเอาใจฉันหรือเปล่า ก็มีการลองใจสเต็ป 1, 2, 3 เช่น เราจะถามกันทุกวัน
พรุ่งนี้ไปไหน พรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อย จะไปส่งลูกที่โรงเรียน ไปด้วยกันไหม แต่เช้านะต้องออกจากบ้าน 06.30 น. ต้องตื่นตี 5
เราคิดว่าเขาคงไม่มาหรอก เพราะเรานอนดึก ตื่นไม่ไหว แต่พอถึงเวลาเขาโผล่มา เค้าไปทัน หลังจากนั้นก็เคยลองใจพาไปเล่นเครื่องเล่น
แพรวจะดูว่าเขาจะเอ็นจอยกับเด็กไหม พาเล่นแล้วเด็กมันชอบ น้องคนโตเขาจะติดมาก
แม่พี่ซันไปไหน พี่ซันมาหรือยัง พอพาเด็กไปเล่นครั้งนึงใช่ไหม ต่อมาเด็กไม่ชวนแล้ว คนนี้ชวน คนนี้เริ่มสนุก
ซัน : ดูมีความคลายเครียด อีกมุมนึงทำให้เราย้อนกลับไปว่ามันก็สนุกเหมือนกัน ได้เห็นเด็กขำ
แพรวพราว : ก็มีแอบถ่ายคลิปตอนเค้าเล่นกับเด็กลงในกลุ่มบ้าน มันทำให้แพรวเปิดใจกับเค้ามากขึ้น
ก่อนที่จะตัดสินใจคบกัน เราบอกลูกยังไง?
แพรวพราว : ก็ลองคุยเล่นๆ ดู นาริตะ พี่ซันเป็นเพื่อนแม่ได้ไหม ได้สิ
แล้วถ้าพี่ซันเป็นแฟนแม่ได้ไหม แล้วนางก็เขิน ได้ไหม ได้ค่ะ เราจะรู้เลเวลของลูกยังไม่ถามเลย จะค่อยๆ ซึมซับก่อน
หลายคนอยากรู้ คบกัน 7-8 เดือนแล้วแต่งงานเลย มันเร็วไปไหม?
ซัน : เร็วมากเลยครับ ซันมองว่าชีวิตคู่มันอยู่ที่เราคุยกันมากกว่า จะตอนไหน เมื่อไหร่ สุดท้ายแล้วผมก็ขอแต่งงานอยู่ดี
เราขอแต่งงานในช่วงนี้ในวัยของเราจะเร็วไปหรือเปล่า แต่ด้วยประสบการณ์เราอาจจะโตไวกว่าเพื่อนแถวบ้าน เพราะด้วยเราทำงานเลย คือไม่เร็วก็ช้ามันก็ตัดสินใจ
หลายคนก็คิดว่าท้องก่อนแต่งหรือเปล่า?
แพรวพราว : ถ้าท้องไม่ปิดแน่นอน เราลูกสองไม่มีอะไรต้องมาปิดเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นคือไม่ท้องล้านเปอร์เซ็นต์
ซัน : เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าจะอยู่ถึงพรุ่งนี้หรือเปล่า
อายุห่างกัน 14 ปี กลัวไหมว่าอายุจะเป็นช่องว่างระหว่างวัย?
ซัน : ณ ตอนนี้ซันไม่ได้กลัว หลายคนก็จะสงสัยซันโตได้อีก แต่เค้าก็จะอายุมากขึ้น ผมมองว่าเราต้องใส่ใจซึ่งกันและกันบ่อยๆ
ให้มันเป็นการเคยชิน ไม่ปล่อยให้ทะเลาะกันข้ามคืน ให้มันจบภายในวันนั้นเลย ผมว่าเรื่องตรงนี้มันอยู่ที่ซันด้วย
จะพูดให้ฟังว่าเราจะเสมอต้นเสมอปลายให้มากที่สุด วันไหนที่ออกนอกลู่นอกทาง ยังมีพ่อแม่และอีกหลายคนที่คอยเตือน
เพราะว่าหลายๆ คนก็จับตามองด้วย สิ่งสำคัญที่สุดเลย เราต้องครองรักกันให้เสมอต้นเสมอปลาย เตรียมรับมือกับอนาคตที่ต้องเจอ
แพรวพราว : แพรวไม่ได้กลัว แต่อยากทำทุกวันให้มีความสุขมากกว่า ณ ตอนนี้เรามีความสุข ณ จุดไหน เราโฟกัสที่ความสุขมากกว่า ที่สำคัญเขารักลูกเรา รักครอบครัวเรา แค่นั้นเลย
ขอบคุณข้อมูล: Orange Mama