ด่วน นายกฯ แถลง ประกาศ 5 มาตรการจัดการปัญหา กัมพูชา ทุกมิติ

ในวันนี้เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 มิ.ย.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ต่อมาเวลา 15.20 น. น.ส.แพทองธาร แถลงภายหลังการประชุมว่า วันนี้ประชุมทุกภาคส่วน รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ

โดยที่ไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของประเทศไทยในระดับนานาชาติ

จากข้อมูลของ UN หรือ สหประชาชาติที่ได้มีข้อมูลว่า กัมพูชา ถือเป็นแหล่งศูนย์รวมอาชญากรรมระดับโลก ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 600,000 ล้านบาท/ปี

ประเทศไทย โดยหน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วยงาน กระทรวง DE กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ เร่งดำเนินการปราบปรามอย่างเด็ดขาดตามแนวชายแดน โดยได้กำหนดมาตรการดังนี้

1. ด้านความมั่นคง

– เพิ่มกำลังควบคุมชายแดนไทย-กัมพูชา

– จำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน

– ห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปเล่นพนันในพื้นที่ชายแดน

2. ด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

– ตรวจสอบบัญชีม้า, เส้นทางการเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

– ตัดอินเทอร์เน็ตจากประตูใต้น้ำที่เชื่อมต่อกับกัมพูชา ยกเว้นหน่วยงานมนุษยชน

– ร่วมมือกับ ปปง. ยึด/อายัดทรัพย์ และคว่ำบาตรผู้ฟอกเงิน

3. ด้านเศรษฐกิจและการส่งออก

– ระงับส่งออกสินค้าเสี่ยง เช่น น้ำมัน, ซิม, โทรศัพท์, เครื่องกำเนิดไฟฟ้า

– ห้ามนำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชา

– ออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและ SME ชายแดน

4. ด้านยาเสพติด

– ใช้เทคโนโลยีสกัดกั้นการลักลอบตามแนวชายแดน

– ร่วมมือกับสหรัฐฯ ใช้อุปกรณ์สืบค้นทันสมัย

– ควบคุมสารตั้งต้นการผลิตยาเสพติดอย่างเข้มงวด

5. ด้านการต่างประเทศ

– ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางปราบอาชญากรรมระดับภูมิภาค

– กดดันกัมพูชาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

– ประสานงานกับ UN, สหรัฐฯ, จีน และเครือข่ายข่าวกรองโลกในการติดตามทรัพย์สิน

🧭 เป้าหมายเร่งด่วนใน 3 เดือน

– ลดสถิติการแจ้งความ

– ยึดทรัพย์สินแก๊งอาชญากรรม

– ดำเนินคดีแก๊งข้ามชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่านี่คือ วาระแห่งชาติ ที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างเด็ดขาด รัฐบาลจะไม่ปล่อยให้ประเทศไทยตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมข้ามชาติอีกต่อไป

ขอบคุณข้อมูล: พรรคเพื่อไทย