เรียกว่าเป็นประเด็นร้อนที่สังคมต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น ปมคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้ออกมายอมรับว่าคลิปเสียงสนทนาระหว่างเธอกับ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและประธานวุฒิสภาของกัมพูชา เป็นคลิปเสียงจริง
พร้อมชี้แจงว่าประเด็นที่กล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นเทคนิคในการคุยการเจรจาต่อรอง จนทำให้ประชาชนต่างออกมาเรียกร้องให้นายกฯยุบสภา
ซึ่งเมื่อหากมีกรณีประกาศยุบสภาจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในมาตรา 103 บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องการยุบสภาไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่การเลือกตั้งทั่วไป การยุบสภาผู้แทนราษฎรให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา
และให้กระทำได้เพียงครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน ภายในห้าวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งใช้บังคับ
ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน
นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวใช้บังคับ วันเลือกตั้งนั้นต้องกำหนดเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร
-ส่วนกรณีที่นายกฯ ประกาศลาออก ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 บัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล
ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ โดยการเสนอชื่อบุคคลที่จะโหวตเห็นชอบจะต้องอยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมือง
ที่มี สส.ไม่น้อยกว่า 25% ของ สส.ที่มีอยู่ในสภาฯ หรือ 25 คนขึ้นไป โดยชื่อที่ถูกเสนอจะต้องมี
สส.ยกมือรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของ สส.ที่มีอยู่ของสภาฯ หรือ 50 คน และจะต้องมีการลงมติเห็นชอบโดยเปิดเผย
สำหรับรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ถูกเสนอชื่อก่อนหน้านี้ มีทั้งหมด 6 คน ได้แก่
1.นายอนุทิน ชาญวีรกุล
2.นายชัยเกษม นิติสิริ
3.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
4.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
5.นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
6. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
แต่จากรายชื่อที่เหลือทั้ง 6 คนนั้น มีเพียง 4 คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี หากนายกฯ ลาออก ส่วน พล.อ.ประวิตร และ นายจุรินทร์ ได้เสียง สส.ไม่ถึง 25% ของ สส.ที่มีอยู่