เรียกว่าเป็นโพสต์ที่ชาวเน็ตแชร์ต่อๆกันบนโซเชียล เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาเล่าประสบการณ์เตือนภัย หลังการฉีดฟิลเลอร์ แต่กลับมีอาการแพ้อย่างรุนแรงว่า “ผ่านมา 2 ปีอยากมาแชร์ประสบการณ์ ชีวิตเกือบพังเพราะอยากสวยยยย !!!
❌หมอไม่ผิด ❌คลีนิคไม่ผิด 🚫เป็นที่ร่างกายเราที่แพ้เอง แพ้ฟิลเลอร์หนักมาก เสียทั้งเงิน ทั้งเวลาครั้งแรกฉีดฟิลเลอร์คาง 1 cc บวมแต่คิดว่าแพ้ปกติ…
ครั้งที่สองฉีดฟิลเลอร์ 4 cc คาง 1 cc ร่องแก้ม 2 cc ปาก 1cc ย้ำ !! ฉีดปากแค่ 1 cc แต่ร่างกายแพ้หนักมากกกก
ตามรูปคือแย่มากปากบวมแบบปวดแสบปวดร้อนทรมานมาก ตอนนั้นคิดคำเดียวในใจคือ กูไม่น่าเล๊ยย กูทำไปทำไม
วันถัดไปหมอก็นัดไปฉีดยาฆ่าเชื้อและฉีดสลายไปติดต่อกัน 5 วัน ใช้เวลา 1 อาทิตย์กว่าจะยุบ และใช้เวลา 2 อาทิตย์ถึงจะได้หน้าเดิมกลับมา
แต่ก้รู้สึกไม่เหมือนเดิม 100% คือผิวมันตึงมันพังไปแล้ว ก็ใครจะทำหัตถการใดๆก็เช็คร่างกายตัวเองดีๆว่ามีอาการแพ้ไหมไม่งั้นอาจจะเจอตัวเองเวอร์ชั่นแบบนี่ได้ 🥲
แต่สุดท้ายแล้วผู้หญิงทุกคนอยากสวย ทุกวันนี้คืองดฟิลเลอร์ตลอดไป กลัว55555 แต่ก็ยังอยากสวยเหมือนเดิม จบ 😆🥹
ปล. มาแชร์ไว้เป็นกรณีศึกษานะคะ หากใครเจอเหตุการณ์แบบนี้คำแนะนำคืออย่าพึ่งไปปรึกษาเพื่อนหรือใครๆ หาหมอรักษาให้หายก่อนค่ะ
เพราะถ้าบอกเพื่อนหรือคนรอบข้างเราจะยิ่งจิตตกค่ะ เคสเราคือแรกๆก็ด่าหมอ ด่าคลีนิค จนสุดท้ายมารู้ว่าตัวเรานั่นแหละที่แพ้เอง
เพราะเราฉีด 2 ครั้งคนละคลีนิค คนละหมอ ส่วนยี่ห้อฟิลเลอร์ ม่วง ดำ ทอง เราลองมา 3 ตัว แพ้ทุกตัวค่ะเพราะฉะนั้นเราไม่โจมตีตัวยานะคะของแบบนี้แล้วแต่บุคคลจริงๆ
ปล.2 ช่วงนี้คือมีคนทักว่าเติมฟิลเลอร์สิ แก้มตอบอยากบอกว่าอยากเติมใจจะขาดแย้วค่า แต่มันบ่ได้😂🥲.#แพ้ฟิลเลอร์ #ฉีดฟิลเลอร์ #ฟิลเลอร์ปาก”
ขอบคุณข้อมูล: Kittiya Menaruji