Please Enable JavaScript in your Browser to visit this site

รัฐบาล ประกาศเตือน ถึงคนที่ใช้แอปทางรัฐ

เรียกได้ว่าเมื่อวานที่ผ่านมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti Fake New Center หรือAFNC) และ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.)

ได้ติดตามตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายการก่ออาชญากรรมออนไลน์ โดยตรวจพบว่า การเผยแพร่ข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนที่เกี่ยวข้องกับ โครงการ เติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet หรือ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ระยะที่ 3 รวมทั้งยังตรวจพบ บัญชีแพลตฟอร์มทางรัฐปลอมด้วย

นายประเสริฐ กล่าวว่า ในภายหลังจากที่รัฐบาลเตรียมดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet หรือโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในระยะที่ 3 ในระหว่างนี้มิจฉาชีพได้ใช้วิธีการหลอกลวงประชาชนส่งข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน

ที่เกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-12 มีนาคม 2568 ศูนย์ข่าวปลอมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน ที่เกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว จำนวน 59 เรื่อง

โดยพบว่าเป็นข่าวปลอม 13 เรื่อง ข่าวบิดเบือน 6 เรื่อง และตรวจพบบัญชี แอปพลิเคชันปลอม “ทางรัฐ” จำนวน 5 บัญชี ซึ่งได้ดำเนินการแจ้งปิดกั้นแล้ว

ที่ผ่านมาศูนย์ข่าวปลอมฯ และสกมช. ได้ตรวจสอบ และเฝ้าระวังการกระทำที่เข้าข่ายการก่ออาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตั้งแต่เริ่มดำเนินการโครงการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 12 มีนาคม 2568

โดยได้ดำเนินการปิดกั้นแพลตฟอร์มปลอมแล้ว จำนวน 341 บัญชี เป็นบัญชี Facebook จำนวน 308 บัญชี และบัญชี Tiktok จำนวน 33 บัญชี (แบ่งเป็นการดำเนินการของ ดีอี จำนวน 219 บัญชี และ สกมช. จำนวน 122 บัญชี)

สำหรับประชาชนสามารถรับข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับ ‘แอปฯ ทางรัฐ ได้จากสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) หรือDGA โดยติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dga.or.th หรือ โทร. 02-612-6060 หรือสามารถสอบถามผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาค รัฐเพื่อประชาชน (Call Center) สายด่วน โทร. 1111 กด 1 (ดิจิทัลวอลเล็ต)

กระทรวงดีอีมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเผยแพร่ข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน เกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งกระทรวงดีอีจะตรวจสอบข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง และจะดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่กระทำอย่างถึงที่สุด

เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง และขอให้ประชาชน ยึด ‘หลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์, 2 ไม่เชื่อ, 3. ไม่รีบ และ 4. ไม่โอน พร้อมกับไม่แชร์ ข้อมูลที่บิดเบือนในทุกช่องทางสังคมออนไลน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีกล่าว

You cannot copy content of this page