โดยช่วงต้นปี 2568 ประมาณสิ้นเดือนมีนาคมสำหรับกลุ่มเปราะบาง ผู้มีรายได้น้อย เตรียมความพร้อม ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน รอบใหม่ เนื่องจากขณะนี้กำลังจะครบ 2 ปี หลังจากรอบล่าสุดที่เปิดลงทะเบียน เมื่อปลายปี 2565 วันที่ 5 ก.ย.-31 ต.ค. เพื่อเป็นการทบทวนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการใหม่
กระทรวงการคลังวางแผนไว้ว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะทบทวนผู้มีสิทธิกันใหม่ทุก ๆ 2 ปี เพราะบางคนอาจจะมีคุณสมบัติที่หลุดจากเกณฑ์ไปแล้ว หรือบางคนที่ไม่ได้สิทธิ คุณสมบัติอาจจะผ่านในรอบนี้ ซึ่งรอบที่แล้วเดิมมีผู้ลงทะเบียนกว่า 14.9 ล้านคน แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 13.5 ล้านคน เพราะส่วนหนึ่งก็เสียชีวิตไป
เกณฑ์การลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 22 พ.ย.2567 ว่า กระบวนการในการที่จะลงทะเบียนเบื้องต้น คาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนกว่า 25 ล้านคน ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มเดิมคือผู้ที่มีสิทธิในปัจจุบันที่ผ่านกระบวนการแล้ว 14.5 ล้านคน
2.กลุ่มใหม่ที่ประมาณการไว้ที่ 10 ล้านคน
สำหรับกลุ่มใหม่ที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน ซึ่งมาจากประชาชนที่อายุครบ 18 ปี เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มที่เคยลงทะเบียนแต่ไม่ได้รับสิทธิ 4-5 ล้านคน และกลุ่มอื่น ๆ ที่คาดการณ์ไว้ก็มีอีกหลายล้านคนที่คงจะมาลงทะเบียน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดจะได้รับสิทธิ ก็ต้องมาตรวจสอบตามกลไกต่อไป
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มผู้มีสิทธิเดิม 14.5 ล้านคน จะไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ รัฐบาลจะนำรายชื่อไปคัดกรองสิทธิอัตโนมัติ ส่วนกลุ่มผู้ที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน จะต้องมีการลงทะเบียน
โดยจะเริ่มได้ก่อนสิ้นเดือน มี.ค.2568 โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และขั้นตอนการลงทะเบียนที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
ขณะเดียวกันได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ดำเนินการตรวจสอบทบทวนหลักเกณฑ์ทั้งเก่าและใหม่ เพื่อให้ครอบคลุมกับการดำเนินงาน ป้องกันไม่ให้คนจนไม่จริงเข้ามาสวมสิทธิ
ซึ่งในด้านเกณฑ์รายได้ครัวเรือนยังมีอยู่เหมือนเดิม ขณะที่เกณฑ์เรื่องการถือครองที่ดิน จะทำให้สามารถตรวจสอบใช้ได้จริง พร้อมจะดูรายละเอียดในเรื่องสินทรัพย์ การถือครองสลาก และพันธบัตร
คุณสมบัติ รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เกณฑ์คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ เบื้องต้นคาดว่าจะยังไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม ดังนี้
1.ลงทะเบียนรายบุคคล และตรวจสอบคุณสมบัติเป็นรายบุคคลและครอบครัว
2.ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย
3.อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
4.มีรายได้คนละไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ภายในครอบครัว มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
5.ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก พันธบัตร ตราสารหนี้ต่าง ๆ ต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปีเช่นเดียวกัน
6.ต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือที่ดิน เกินจากเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
7.ไม่มีบัตรเครดิต
8.ไม่มีวงเงินกู้บ้านตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
9.วงเงินกู้ซื้อรถตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป
10.ต้องไม่เป็นภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญ ข้าราชการการเมือง รวมถึง สส. และ สว.
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรับเงินช่วยเหลือกี่บาท
-วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 300 บาทต่อคนต่อเดือน
-วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน
-วงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน
-มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
-มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
-รวมเป็นเงิน 1,545 บาท
-เบื้องต้นใช้งบประมาณราว 4,800 ล้านบาทต่อเดือน หรือราว 50,000 ล้านบาทต่อปี
-จ่อทบทวนสิทธิการใช้จ่ายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่
นอกจากนี้ ยังจะมีการทบทวนสิทธิและสวัสดิการของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้เหมาะสม เช่น วงเงินการซื้อของจากร้านธงฟ้า ค่าก๊าซ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ใช้สิทธิเพียง 40% และยังรวมถึงค่าเดินทาง
เนื่องจากในบางหลักเกณฑ์ประชาชนไม่ได้เข้าไปใช้สิทธิตามที่รัฐบาลวางไว้ จึงทำให้งบประมาณบางส่วนถูกใช้ไปโดยไม่จำเป็น จึงต้องศึกษาใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมให้ไปศึกษาเรื่องการรีสกิลอัพสกิลด้วย
โดยกระทรวงการคลังได้กำชับคณะอนุกรรมการด้านนโยบาย ของ สศค. ในการไปพิจารณาหลักเกณฑ์เหล่านี้เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อให้ทันต่อการเปิดลงทะเบียนโครงการรอบใหม่วันที่ 31 มี.ค.2568 ปัจจุบันรัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อสวัสดิการ 14.5 ล้านคน วงเงิน 60,000 ล้านบาทต่อปี