Please Enable JavaScript in your Browser to visit this site

แพทย์เผย มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ เคส อ๋อม อรรคพันธ์ พบได้น้อยมาก 0.1 ต่อล้านคน

หลายคนต่างแสดงความไว้อาลัยให้กับการจากไปของหนุ่ม อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์ ที่ได้จากไปด้วยโรคมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ ล่าสุด พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งสำหรับการสูญเสีย นายอรรคพันธ์ นะมาตร์

หรือ อ๋อม ดารานักแสดงชื่อดัง ซึ่งจากสถิติทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจเป็นโรคที่พบได้น้อยมาก แต่มีโอกาสพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย

มีอัตราการเกิดโรคอยู่ที่ 0.1 ต่อประชากร 1 ล้านคน สำหรับประเทศไทยนั้น มีผู้ป่วยรายใหม่อยู่ที่ 5-7 คนต่อปี มะเร็งหัวใจส่วนใหญ่เกิดจากเซลล์ผนังหลอดเลือด (Angiosarcoma)

ส่วนที่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจเรียกว่า Rhabdomyosarcoma ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่แน่ชัดอย่างไรก็ตาม

มีข้อมูลแสดงความเชื่อมโยงว่าอาจสัมพันธ์กับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม อาการของโรคโดยทั่วไปมักจะไม่มีอาการเฉพาะ

แต่อาจมีลักษณอาการเช่นเดียวกับอาการของโรคหัวใจร่วมกับอาการของโรคมะเร็ง โดยเป็นอาการเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ

เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นช้า หัวใจเต้นผิดจังหวะ รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ไอมีเสมหะมักเป็นเสมหะสีขาว บวมรอบตา ขาและเท้าบวม

ด้าน ร.อ.นพ.สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า โดยทั่วไปการตรวจวินิจฉัยโรค

มักเจอในระยะที่โรคลุกลามไปมากแล้วทำให้การรักษาได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์

แพทย์จะเริ่มทำการซักประวัติอาการของผู้ป่วย ตรวจฟังเสียงเต้นของหัวใจ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจเอคโคหัวใจ

ตรวจภาพหัวใจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) และ/หรือ เอ็มอาร์ไอ (MRI) ตลอดจนการตัดชิ้นเนื้อ

เพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อการวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง ในด้านการรักษามะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ

พบว่ามักไม่ค่อยตอบสนองต่อการฉายแสงและการให้ยาเคมีบำบัด แพทย์จึงต้องใช้วิธีการรักษา

ด้วยการผ่าตัดเพื่อเอาก้อนมะเร็งออกด้วยการผ่าตัดเปิดหัวใจโดยตรง นอกจากนี้การพยากรณ์โรคมักจะไม่ค่อยดี

โดยผลการรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็ง การลุกลามของโรค การผ่าตัดก้อนมะเร็งออกได้หมด

ตลอดจนการตอบสนองของเซลล์มะเร็งต่อยาเคมีบำบัด เป็นต้น จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่ามะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ

พบได้น้อยมากในประชากรทั่วโลกและยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัดส่งผลให้ไม่มีข้อมูลด้านการป้องกัน

และการตรวจคัดกรองโรค ดังนั้นจึงแนะนำให้มีการสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายหากพบความผิดปกติเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุควรรีบปรึกษาแพทย์

ขอบคุณข้อมูล: omakapan

You cannot copy content of this page