กลายเป็นประเด็นดราม่า ที่ร้อนแรงในตอนนี้ สำหรับเหตุการณ์บนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ หลัง มี LGBTQ+ รายหนึ่งด่าทอ และเหยียดหยามหญิงชาวมุสลิม จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง ก่อนที่นัดไกล่เกลี่ยที่ สน.หัวหมาก ชูศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ ไม่เดินทางมาตามนัด ปล่อยให้ผู้เสียหายรอเป็นเวลาหลายชั่วโมง ก่อนจะไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้การเจรจายุติลง
ล่าสุด น.ส.มาเดีย อายุ 30 ปี ผู้เสียหาย ได้เปิดใจถึงเหตุการดังกล่าวว่า วันนั้นตนเพิ่งเลิกงานและโดยสารรถไฟฟ้าจากสถานีมักกะสันเพื่อไปลงที่สถานีรามคำแหง เมื่อขึ้นไปบนรถไฟฟ้าเห็นว่าที่นั่งข้างสาวสองว่างอยู่ และมีเพียงกระเป๋าวางไว้ ตนคิดว่าหากลงนั่ง เจ้าของคงหยิบกระเป๋าออก แต่กลับถูกอีกฝ่ายลุกขึ้นมาด่าทอเสียงดังว่า “ไม่มีมารยาท พ่อแม่ไม่สั่งสอน อีสัส อีดอก อีอิสลาม”
และยังพูดว่าไม่ได้บูลลี่ศาสนาอิสลาม แต่บูลลี่ตนเพียงคนเดียว ตนเล่าว่า ตอนนั้นตกใจมากและในใจก็ร้อนเป็นไฟ เพราะอีกฝ่ายลามปามไปถึงพ่อแม่และศาสนา แต่ไม่อยากมีเรื่องเพราะอายผู้โดยสารคนอื่น จึงรีบกล่าวคำขอโทษ โดยในตอนแรกตนเข้าใจว่าตนเหยียบเท้าคู่กรณีจึงขอโทษทันที แต่ภายหลังจึงรู้ว่า อีกฝ่ายโมโหเพราะกระเป๋าถูกไปโดนและตนไปนั่งใกล้กระเป๋านั้น
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าเรื่องน่าจะจบลง แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายยังไม่หยุดด่า พร้อมยกเท้าขึ้นมาใส่ และหยิบรองเท้าขึ้นมาเหมือนจะฟาดตน ทำให้ตนยิ่งตกใจและได้แต่ท่องในใจว่า “พระเจ้าช่วยด้วย” พร้อมภาวนาให้ถึงสถานีปลายทางโดยเร็วที่สุด เมื่อถึงสถานีรามคำแหง ตนบอกคู่กรณีให้ลงไปคุยกับเจ้าหน้าที่ แต่กลับถูกตอบปฏิเสธ อีกฝ่ายบอกเพียงว่า “ไม่ไป จะไปแจ้งความก็ไปเลย ไม่กลัว”
ตนจึงเดินออกมา ตั้งสติและบอกกับตัวเองว่าทำไมถึงไม่สู้ แต่เมื่อคิดดูแล้ว หากสู้ก็คงไม่ไหว จึงเลือกที่จะจบและคิดว่าเป็นวันที่แย่ วันพรุ่งนี้คงเป็นวันที่ดีขึ้น หลังจากนั้นตนเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนสนิทฟัง และวางแผนจะไปขอภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อดำเนินคดี และตั้งใจจะโพสต์เล่าเรื่องลงเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่ต่อมา ตนกลับพบว่ามีผู้นำคลิปเหตุการณ์ไปเผยแพร่ลงในโซเชียลมีเดียก่อนแล้ว
ทำให้ตนตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าคลิปจะถูกเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวางเช่นนี้ มาเดีย เล่าต่อว่า หลังจากคลิปถูกแชร์จำนวนมาก ทางศูนย์ไกล่เกลี่ย สน.หัวหมาก ได้ประสานไปยังคู่กรณีเพื่อให้มาขอโทษ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจจะเอาเรื่องใหญ่ เพียงอยากได้รับคำขอโทษเท่านั้น อีกทั้งทางคู่กรณีก็ได้รับบทเรียนแล้วคือได้ออกจากงาน และยังถูกสังคมออนไลน์ลงโทษแล้ว
แต่ตนแค่รับไม่ได้ที่ถูกด่าพาดพิงถึงพ่อแม่และศาสนา ซึ่งสำหรับถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่ง แต่คู่กรณีกลับไม่ยอมมาขอโทษ และพยายามบ่ายเบี่ยง ทำให้ตนรอนานและตัดสินใจจะเดินหน้าดำเนินคดีตามกฎหมาย ตนยังกล่าวอีกว่า ตนไม่ใช่คนดี อารมณ์แบบนี้ก็มีเหมือนกัน แต่เชื่อว่าทุกคนควรยับยั้งชั่งใจและมีสติ
โดยเฉพาะในที่สาธารณะ ควรไปจัดการอารมณ์ตัวเองที่บ้าน เพราะทุกคนก็เหนื่อยมาจากการทำงานเช่นกัน ตนเองเมื่อได้กล่าวคำขอโทษแล้ว เรื่องก็ควรจะจบ แต่คู่กรณีกลับไม่ยอมจบ ตนยังย้ำด้วยว่า ตนศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมีกิจกรรมร่วมกับเพื่อนสาวสองจำนวนมาก
ทุกคนให้เกียรติ ไม่เคยเหยียดหรือลามปามเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าจะเดินหน้าดำเนินคดีตามกฎหมายและปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการ เพราะเมื่อให้โอกาสคู่กรณีมาคุยแล้ว แต่กลับเลือกที่จะไม่มา
อ่านเรื่องต่อจากนี้

หนุ่ม กรรชัย เฉลย หมอดูผู้หยั่งรู้ คนล่าสุดคือใคร

ธ.กรุงเทพ ชี้แจง หลังเงินในบัญชีลูกค้าบางรายหายเกลี้ยง

สื่อถึงอะไร! จักรภพ เพ็ญแข โพสต์ล่าสุด หมาคาบส้ม

กรมส่งเสริมการเกษตร ยืนยัน ช่องทางจ่ายไร่ละ 1,000 ชาวนา

ภูมิธรรม ซัดกลับ ไอติม ท้าให้ยุบสภา

เปิดร่องรอยความเสียหาย ปราสาทตาเมือนธม กัมพูชากระหน่ำโจมตีด้วยอาวุธ ยิงเข้าตัวปราสาท

ชูวิทย์ ไม่อยู่เฉย ออกโรงเตือน พรรคประชาชน

รับไม้ต่อ พล.ต.วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ นักรบลูกอีสาน ขึ้นแท่นแม่ทัพภาค 2 คนใหม่
