เรียกว่าเป็นนักแสดงสาวสวยที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากๆในยุค 90 สำหรับสาว ต่าย สายธาร ที่ล่าสุด เธอได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวความรัก ในอดีตกับนักแสดงผู้ล่วงลับ อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมลทางรายการ Club Friday Show
ในตอนนั้นเราทำงานด้วยกัน?
ต่าย สายธาร : ใช่ค่ะ ถ่ายละครเรื่อง พิษน้ำผึ้ง เล่นเป็นพี่น้องกันตอนแรกเกลียดมากเลยค่ะ
ขอเขานั่งรถไปด้วยขอติดรถเขาออกไปด้วย วันที่เราเจอเขาวันแรกนะคะ
เพราะว่าตอนนั้นรถติดมากรู้สึกว่าถ่ายแถวพุทธมณฑลอ ะไรประมาณนั้นค่ะ
เขาก็บอกเราว่าได้ๆแบบแอคๆหน่อย ต่ายก็นั่งรถเขาออกไป แต่แบบรถติดมากเลยค่ะ
แต่เขาน่าจะให้ต่ายติดรถไปด้วยอีกสักหน่อย แต่เขาก็ให้เราลงตรงนั้น หน้าปากซอย
รถติดๆตรงร้อนๆ หลังจากนั้นพอร่วมงานกัน ก็คุยเป็นเพื่อนกัน แล้วมีวันหนึ่งที่ได้ไปเที่ยวกลางคืนด้วยกัน
เราก็เริ่มดูเขาแบบเขามีความเป็นผู้ชายจริงๆ แบบดูเหมือนเพลย์บอย แล้วเราไปชอบกลิ่นน้ำหอมเขา
เราก็ไปดมแล้วถามเขาว่าฉีดน้ำหอมกลิ่นอะไรเนี่ย คือชอบจากกลิ่นน้ำหอมมาด้วย แล้วก็เลยค่อยๆเปิดใจคุยกันคบกัน
ถ้าตอนนั้นคิดว่าใครปิ๊งใครก่อน
ต่าย สายธาร : อยู่ๆมันก็มาทั้งคู่ มันซึมซับมาทั้งคู่ พอไปกองถ่ายเริ่มทานข้าวด้วยกันเริ่มรอกัน
เริ่มมารับแล้วอะไรอย่างนี้ มันก็เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ช่วงเวลาที่คบกันตอนนั้นดีมากๆเลยค่ะ
คือถ้าเป็นยุคนี้เขาจะเรียกว่าคลั่งรักเนอะ ก็ยุคนั้นจะมีเพจเจอร์ เวลาอะไรจะส่งได้ไม่กี่ประโยคใช่ไหมค่ะ
แล้วอ๊อฟเขาก็จะโทรไป แล้วบอกพนักงานว่าตอนนี้เอากุญแจเสียบรถแล้วนะ
คือเขารายงานเราทุกอย่าง ทุกฝีก้าวเรารู้กันหมดก็คลั่งรักเลยค่ะช่วงนั้น
ต่ายก็ยังแปลกใจเลยว่ายุคนั้นจริงๆ ยังห้ามมีแฟนอยู่นะ แต่ว่าคู่ของเราด้วยความที่คนก็ชื่นชอบก็เปิดเผย
การเปิดเผยออกมาไม่ได้มีผลไม่ดีอะไร จริงๆตอนนั้นเป็นคู่ที่รู้สึกว่าเป็นคู่บวกนะ ถ้าเรียกว่าเป็นคู่จิ้น ที่ดูเหมาะกันเชียร์กันได้?
ต่าย สายธาร : คบกันประมาณ 2-3 ปี ก็มีขอแต่งงานแล้ว ช่วงนั้นต่ายเลี้ยงลูกบุญธรรม อยู่คนหนึ่งนะคะ
ตอนนี้น้องโตแล้ว อ๊อฟก็ยังได้ช่วยไปอุ้มอยู่เลย แล้วช่วงนั้นคุณพ่อป่วยเป็นมะเร็งด้วย อ๊อฟก็ยังได้ดูพ่อได้ดูได้อะไร
แล้ว อ๊อฟ เองก็คือคนที่ชักนำให้ต่ายเข้าวงการกู้ภัย?
ต่าย สายธาร : ใช่ค่ะ เพราะว่าเขาทำก่อนเรา
ทุกอย่างดูเหมือนเป็นไปด้วยดีหมดเลย?
ต่าย สายธาร : หลังจากนั้นมันก็มีเรื่องแบบที่ไม่เข้าใจกันต่ายเป็นคนขอเลิกเขาเองค่ะ
เป็นคนที่แบบว่าถ้าไม่อภัย ก็คือไม่อภัย ปากต่ายจะพูดว่าอภัย ให้แต่ใจต่าย ไม่อภัยมันก็คือไม่อภัย
ตอนนั้นที่เลิกกันไปเราก็ไม่ได้คุยกันเลย 5 ปีค่ะ อยู่ๆเขาก็โทรเข้ามาคุยด้วย 5 ชั่วโมง
หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนค่ะ วันนั้นเป็นวันที่ 16 พฤศจิกายน ก็มีพี่ๆร่วมกตัญญู โทรมาบอกว่าอ๊อฟแย่แล้วนะ
เราไปถึงที่นิติเวช เห็นเขานอนอยู่ตอนนั้นเราพยายามอยากจะคุยอยากจะบอกเขาว่า เขาหลับอยู่ใช่ไหม(ร้องไห้)
คนรอเขาอยู่นะเยอะมาก แต่ต่ายต้องทำเข้มแข็งมากๆ วันนั้นแทบจะเหมือนไม่ได้ร้องไห้เลยค่ะ
ก็เอามือปิดตาเขา ให้เขาหลับตา พอเอามือปิดตาเขาก็ลืมตาขึ้น ก็บอกว่ารอแม่อยู่ใช่ไหมเดี๋ยวแม่มาแล้ว
แม่กำลังตามมา พอแม่มาถึงต่ายก็รีบพาแม่มาเอามือปิดตาเขาก่อน เพราะไม่อยากให้เขาห่วง
ก็เอามือแม่ปิดเขาก็หลับตาจริงๆค่ะ แล้วตัวต่ายก็เข็นตัวเขา เข้าไปในห้องใหญ่
ห้องที่ต้องรอผ่าชันสูตรระหว่างที่เราเข็นเขาเข้าไป เราก็บอกกับเขาว่าไม่ต้องห่วงนะ ทั้งๆที่เราก็ไม่รู้ว่าจะดูแลได้หรือเปล่า
จากวันนั้นจนวันนี้ต่ายก็ยังคงติดต่อคุณแม่สีดาอยู่?
ต่าย สายธาร : ยังติดต่อคุณแม่อยู่ตลอด แม่ก็ยังส่งสติกเกอร์สวัสดีตอนเช้ามาให้ทุกวัน
คนเราต่อให้รักกันมากแค่ไหน จะจับมือกันแน่นแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องปล่อยมือ
ก็ต้องไปคนเดียวมันไม่มีอะไรที่เป็นของเราก็คิดแค่นั้น เพราะฉะนั้นทุกวันนี้
พอเวลาถ้าเจออะไรที่ดีๆก็จะรักษาไว้ ถามว่าเข็ดกับความรักไหมก็ไม่ได้เข็ดค่ะ แต่ในก็จะมีการประเมินหรือวิเคราะห์อะไรมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูล:CHANGE2561