เรียกว่าเป็นนักร้องหนุ่มที่โด่งดังและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักตั้งแต่ยุค 90 มาจนถึงปัจจุบัน สำหรับ กวาง AB Normal ซึ่งก่อนหน้านี้กวางยังได้ออกมาเผยถึงเรื่องราวในอดีตสมัยเป็นศิลปินวัยรุ่น ถึงความอีโก้สูงของตัวเอง ผ่านทางรายการ ป๋าเต็ดทอล์ก ว่า ” ช่วงนั้นตนมีอีโก้สูงมาก เพราะแค่เพลงแรกก็ดังทั่วประเทศแล้ว
ด้วยความที่ได้มาความดังมาแบบง่ายๆ รวดเร็ว ทำให้ช่วงนั้นคิดว่าตัวเองเก่ง ดัง เจ๋งกว่าใคร
ไม่คิดจะคุยกับใครก่อน ถ้าใครอยากคุยก็ให้เข้ามาทักเอง ไปคอนเสิร์ตหากขึ้นเวทีแล้วไมค์ไม่ดัง
ก็จะเขวี้ยงไมค์ลงพื้นทันที ด่าซาวด์เอนจิเนียร์ออกไมค์ หากรับงานที่ไหนก็ต้องเล่นเป็นวงปิด
ไม่สนว่าศิลปินที่มาร่วมเวทีจะเบอร์ใหญ่แค่ไหน หรือหากลูกค้าบอกว่าอย่าเล่นเพลงของวงนี้
เพราะเป็นพรีเซนเตอร์ของอีกผลิตภัณฑ์ แต่ก็ไม่เชื่อฟัง จนถูกลูกค้าแบน เมื่อมองย้อนไปก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก”
นอกจากนี้กวางยังเล่าถึงจุดแตกหักของวงด้วยว่า ” เริ่มจากการขัดแย้งกันเล็กๆ น้อยๆ
เช่น กวางชอบเล่นเพลงหน้า A เพลงดังๆ ของคนอื่นที่เล่นแล้วคนจะสนุกตามได้ง่าย
แต่เพื่อนร่วมวงอีก 3 คนขอเล่นเพลงในหน้า B บ้าง และไม่อยากเล่นเพลงคนอื่น
หรือหากมีข้อเสนออะไรตนก็จะแพ้ทุกทีเพราะมีแค่ 1 ต่อ 3 เสียง จนสะสมขึ้นมาเรื่อยๆ
ต่อมาเพื่อนร่วมวงจะออกจากค่ายแกรมมี่แล้วพยายามจะชวนตนให้ย้ายตาม
แต่ตนมองว่าอยู่ที่เดิมก็ดีอยู่แล้ว ไม่รู้จะไปต่อสู้ดิ้นรนที่ใหม่ทำไม
ทำให้ตนขอแยกตัวออกมาเป็นศิลปินเดี่ยวซึ่งหลังจากตกลงว่าจะยุบวง
ก็ยังต้องทัวร์คอนเสิร์ตกันอีก 3 เดือน ทำให้ลำบากใจมาก เพราะเหมือนมีความห่างเหินกันเกิดขึ้น
อย่างชัดเจน กระทั่งทางวง AB Normal ไปออกอัลบั้มกับต้นสังกัดใหม่ ตนก็ส่งข้อความไปยินดี
แต่ไม่มีใครตอบกลับมา ทำให้ตนเลิกติดต่อกับเพื่อนๆ จนห่างหายไม่พูดคุยอะไรกันเลยนานนับสิบปี
จนกระทั่งวันหนึ่ง โอ่ง สมาชิกของวงทักทายมาพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ทำให้รู้สึกแปลกใจ
แต่ก็ตอบกลับไปจนได้คุยกันเรื่อยๆ ก่อนที่จะกลับมารวมตัวเจอกันเปิดใจถึงเรื่องในอดีต
จนเข้าใจกันว่า ไม่รู้ทำไมจะต้องโกรธกันเรื่องไม่ย้ายค่าย ทุกคนทิ้งความขัดแย้งบาดหมางไว้ข้างหลัง
แล้วมาโฟกัสกันในเรื่องปัจจุบัน ทุกวันนี้แม้จะไม่ได้กลับมาร่วมวงกันแบบเดิม แต่ก็สามารถรับงาน ทำงานด้วยกันได้”
ขอบคุณข้อมูล:ป๋าเต็ด
