เรียกว่าใกล้ได้ย้ายเข้าบ้านหลังใหม่แล้วค่า สำหรับหนุ่ม ชาคริต แย้มนาม ที่ล่าสุด เจ้าตัวได้ควงภรรยา แอน ภัททิรา มาเปิดใจเรื่องบ้านในรายการคุยแซ่บShow หลังจากที่รีโนเวทบ้านบนพื้นที่ 3 ไร่กลางกรุงว่า ช่วงนี้คุณพ่อเหนื่อยกับการรีโนเวทบ้าน พื้นที่ 3 ไร่?
ชาคริต : 3 ไร่ครึ่ง คือมันมีเรื่องราวจริงๆ ผมเองอยู่กับแม่ บ้านไม่ได้ใหญ่มากหรอก ตอนเด็กๆ อยู่กัน 2 คน
เราเริ่มทำงานตั้งแต่เด็ก เรามีความคิดว่าอยากขยายเพื่อนที่เพิ่มอีกหน่อย เพราะอีกหน่อยเราต้องมีครอบครัว
การทำบ้านน่าจะเป็นอะไรที่ครั้งเดียวให้มันเสร็จ ก็ไปซื้อที่ดินแปลงนึงไร่กว่าๆแถวปทุม คราวนี้มันเกิดวิกฤติน้ำท่วม
ตอนนั้นแม่ผมยังมีชีวิตอยู่ ก็กลัวไม่เอาแล้ว ก็เลยขาย แล้วกลับเข้ามาดูในเมืองก็ได้ ก็มาดูที่หมู่บ้านนี้
ตอนนั้นราคาที่ดินค่อนข้างดีแล้วเจ้าของบ้านเดิมอยู่ตรงข้าม แล้วเขาเหมือนถูกใจอะไรก็ไม่รู้
แล้วเราเองชอบต้นไม้ด้วย อยากมีพื้นที่ธรรมชาติเยอะๆอยู่ดีๆ เขาก็ขายให้เราในราคาที่โอเคมากๆ
ตอนนั้นคุณแม่ยังอยู่ แกชอบมากก็ซื้อ มันก็เป็นเวลา 10 กว่าปีแล้วตอนนั้นเราซื้อที่ตรงนี้ไม่ได้กะทำบ้านเลย
เพราะเราเองใช้ชีวิตอยู่คอนโด วัยรุ่นต้องอยู่ทองหล่อ จนกระทั่งคุณแม่ป่วยก็เริ่มรีเซ็ตหมดเลย
ทำงานเพื่อที่จะยื้อชีวิตคุณแม่เอาไว้เป็นเวลา 4-5 ปี มันแทบจะเริ่มต้นใหม่หมด ตอนนั้นมีแอน มีน้องโพธิ์
แล้วก็ต่อสู้กันมา เหมือนนับศูนย์ใหม่ เพราะว่าจากที่ตัวเราเองใช้เงินมาถึงจังหวะที่แม่ป่วยไม่มีใครซัพพอร์ตแล้ว
มันได้เจอสัจธรรมชีวิตจริงๆ ต้องเริ่มต้นใหม่หมด แล้วแอนมาเป็นคู่คิด ดูแลคุณแม่ น้องโพธิ์ จนกระทั่งคุณแม่เสียชีวิต
ก็มานั่งคิดกันว่าเอายังไงดี แอนเขาก็บอกว่าพี่มันใหญ่ไปขายไหม แล้วไปซื้อบ้านจัดสรรที่มันพอดีๆ
ตอนนั้นที่พี่แอนบอกพี่ชาคริต เพราะรู้สึกว่ามันเกินที่เราจะอยู่เหรอ?
ชาคริต : พูดง่ายๆ เขามองว่ามันเกินตัวไปหรือเปล่า แต่ในทางกลับกันเรามานั่งมอง ถ้าเกิดเราอยู่ในเมือง
เราไปซื้อบ้านสมัยใหม่ แล้วขายที่ตรงนี้ คูณไปคูณมามันเท่ากันเลย เราสู้อีกนิดดีกว่าไหม
แล้วก็ทำตรงนี้ให้มันเสร็จ แล้วเราจะได้มีพื้นที่ที่ต้องการ เพราะเราเน้นไว้ปลูกต้นไม้อยู่แล้ว
แอน : เขาใช้วิธีว่าถ้าเธออยากขาย เดี๋ยวฉันพาเธอไปดูบ้านจัดสรรในกรุงเทพ
เธอเลือกมาเลยอันไหนที่มันหรู อันไหนที่เธอคิดว่ามันดีที่สุด เธอไปกับฉันเขาก็พาไปดูทุกโครงการ
ชาคริต : เราได้พื้นที่ตรงนี้มาแล้ว มันก็เป็นสมบัติอย่างหนึ่งที่เราเสียดาย
แอน : มันทำให้เห็นว่าพอไปดูโครงการอื่นๆ แล้วกลับมามองพื้นที่ของเรามีความรู้สึกว่า ถ้าไปซื้อบ้านตรงนู้น
จ่ายมากกว่าที่เรามีอยู่อีกแต่เราได้เล็กกว่า เขาก็เหมือนสอนให้รู้ว่าฉันเลือกถูก
ชาคริต : มันเหมือนเป็นการกัดฟันที่จะสู้ ทำตรงนี้ให้สำเร็จด้วยความฝันที่ตอนนั้นคุณแม่ก็ยังอยู่ด้วย ก็เต็มที่เราคำนวนบวก ลบแล้วเราทำได้
เห็นตามภาพนี่มันไม่ใช่บ้านแล้วนะ นี่มันคฤหาสน์ใหญ่ๆ พี่จะให้ถ่ายละครด้วยไหม?
ชาคริต : ขอคิดดูก่อน แต่ว่าเหมือนทุกคนต้องมีขอความช่วยเหลือจากธนาคาร มีกู้แบงก์ ทำงานตัวเป็นเกลียว
หัวเป็นน็อตตามปกติ ไม่ได้แบบว่าร่ำรวยอะไร เพียงแต่เรารู้ว่าเราทำได้แค่ไหน ก็ทำประมาณนั้น
ตอนแรกมีแพลนบ้านอยู่หลังหนึ่งที่เราบอกว่าจะทุบหลังนี้ คือหลังเดิมที่เขามีอยู่ แล้วสร้างใหม่เลยแบบที่เราชอบ
แต่สุดท้ายรุ่นพี่มาดู คุณค่าของไม้เดิม รุ่นพี่ถามว่ามึงป่วยหรือเปล่า รู้ไหมมูลค่าของไม้แต่ละชิ้นเท่าไหร่
เป็นไม้สักทองหมดเลย หลังจากนั้นเราก็มามอง เออวะ แล้วมันก็เซฟงบไปตั้งครึ่งนึงในความคิด
แล้วเราก็ไปสร้างสระว่ายน้ำที่เราอยากจะสร้างได้ ก็เลยไปเวนี้คือรีโนเวทของเดิม ต่อเติมออกมา มีโฮมออฟฟิต
เพราะเรามีพนักงาน ก็สร้างอีกตึกนึงขึ้นมา วันนี้เราใช้เป็นโฮมออฟฟิศก่อน อีกหน่อยจะเป็นโพธิ์ย้ายเข้าไปอยู่ หรือจะเป็นคลับเฮ้าท์อะไรในบ้านก็ได้
ขอบคุณข้อมูล:Orange Mama