เรียกได้ว่าหลายๆ คนแห่ให้กำลังใจกันอย่างล้นหลามเลยทีเดียว เมื่อ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ จอนนี่มือปราบ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ตะลึงกรุง จอนนี่มือปราบ หลังแม่ยายและลูกสาว ประสบอุบัติเหตุถูกรถชน โดย จอนนี่ ได้ไลฟ์เฟซบุ๊กขณะที่นั่งอยู่บนรถยนต์ และขับตามรถฉุกเฉินที่วิ่งนำหน้า
เพื่อนำแม่ยายลูกสาวไปส่งยัง โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ตลอดทางเจ้าตัวได้ร่ำไห้ตลอดเวลา พร้อมบอกผู้ที่มาชมไลฟ์ว่า หากใครอยู่ในพื้นที่
และเห็นไลฟ์นี้ให้ช่วยขอความกรุณาเปิดทางให้รถฉุกเฉินด้วย พร้อมขอบคุณชาวอุบลฯ และขอให้หมอพยาบาลช่วยดูแลด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อรถเคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวเมืองอุบลราชธานี
ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกให้จนถึงโรงพยาบาล หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้ออกมาอัปเดตว่าลูกสาวเริ่มลืมตา รู้สึกตัวดิ้นได้แล้ว ส่วนแม่ยายอาการยังทรงๆ แต่รู้สึกตัว
ล่าสุด ทางเพจเฟซบุ๊ก หมอขอบ่นหน่อยเหอะ-AggressiveDoctor ได้มีการเปิดเผยคลิปที่มีเสียงคนโวยวายอยู่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์
ซึ่งเสียงนั้นคล้ายกับเสียงของจอนนี่ มือปราบ ตะโกนดังลั่นว่า “ให้เกียรติxนำแหน่ตี้ ลูกx” แล้วก็มีเสียงร้องไห้ฟูมฟายจนจับใจความไม่ได้ พร้อมกับที่คนแถวนั้นรวมถึงพยาบาล
ยังต้องหยุดกิจกรรมที่ตัวเองทำ เพื่อดูว่าใครมาโวยวายกันแน่ โดยทางเพจได้เขียนอธิบายเพิ่มเติมว่า “รพ ฝากมา ว่า เออ ทำตัวไม่น่ารักมา กร่างบ่อยจนชิน เหตุการณ์คือ ลูกสาว ยังไม่ทันลงจากรถ
ก็ไปด่าเร่งเวรเปล และจนทให้รีบมารับ ไม่ให้เค้ามีเวลาแต่งตัวป้องกันโควิท(ลูกสาว เสี่ยงสูงมาก) คือหัดใจเย็นทำตัวแบบคน ปกติบ้าง ไม่ใช่มาถึงเรียกร้อง vip ทุกอย่าง ทุกคนต้องเอาใจทุกอย่าง
ปล. ลูกสาวคืออาการคงที่แค่ส่งตัวจากรพช มา รพ จังหวัด ปล.2 คือคนมองกันทั้งรพ ก็ทำตัวปกติ แบบเออxใหญ่xดัง” นอกจากนี้ท่งเพจยังเปิดแชทลับแฉเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติมว่า
ภายหลังเกิดเหตุ พบว่าแม่ยายของจอนนี่แขนหัก ขาหัก ครั้งแรกมีการส่งแม่ยายของจอนนี่ไปโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในจังหวัดอุบลราชธานี แต่เจ้าตัวไม่ไปเนื่องจากทางโรงพยาบาลเรียกค่าใช้จ่ายที่ 300,000-500,000 บาท
จอนนี่ต้องการส่งคุณแม่ไปที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ แต่ทางโรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ไม่รับ เพราะแม่ยายติดโควิด อยู่ รอให้โควิดหายก่อนแล้วค่อยต่อกระดูกให้ ต่อมาจึงส่งไปยังโรงพยาบาลวารินชำราบ
แต่ทางนั้นก็ตอบแบบเดียวกับโรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ จอนนี่จึงโวยวายกับทาง ผอ. ทาง ผอ. จึงโทรศัพท์หาทางจังหวัด จังหวัดจึงประสานให้โรงพยาบาลวารินชำราบรับในที่สุด และในภายหลังก็มีการย้ายแม่ยายมายังโรงพยาบาลสรรพสิทธิ์
ขอบคุณข้อมูล:หมอขอบ่นหน่อยเหอะ-AggressiveDoctor
