เรียกว่าเป็นนักกีฬาเเบดมินตัน ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย สำหรับ เมย์ รัชนก ที่เริ่มก้าวเข้าสู่การเเข่งขันในระดับทั่วไปในรายการที่ใหญ่ขึ้น และสามารถทำผลงานได้ดีในหลายรายการ ในเดือนตุลาคม ด้วยวัย 15 ปี เมย์ รัชนก สามารถคว้าแชมป์แรกในระดับกรังด์ปรีซ์ และกรังด์ปรีซ์ โกลด์ ให้กับตัวเอง
ได้ที่ประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซียและในรอบปีนั้น ยังทำผลงาน เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้ในรายการไชน่า ซูเปอร์ซีรีส์ พรีเมียร์, ฮ่องกง ซูเปอร์ซีรีส์ไชนีส ไทเป กรังด์ปรีซ์โกลด์ และโคเรีย กรังด์ปรีซ์โกลด์ ด้วย
ในปี พ.ศ. 2554 เมย์ รัชนก เป็นนักแบดมินตันที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ในรายการ บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์จูเนียร์แชมเชียนชิพ ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์เยาวชนชิงชนะเลิศแห่งโลก ได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์แบดมินตันโลก
ล่าสุด เมย์ ได้คว้ารองเเชมป์อินโดโอเพ่น ประเภทหญิงเดี่ยว โดยเมย์ รัชนก มือวางอันดับ 2 ของรายการ มือ 8 ของโลก พบกับ อัน เซ ยอง มือวางอันดับ 4 ของรายการ มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้
เกมนี้ทั้งคู่สู้กันอย่างสูสี แต่เป็น อัน เซ ยอง ที่เปิดเกมได้ดีกว่าเอาชนะไปก่อน 21-17 ขึ้นนำ 1-0 เกม ส่วนเกมที่สอง อัน เซ ยอง ยังเริ่มต้นเกมได้ดีกว่า
นำห่าง 18-13 แต่ รัชนก เร่งเกมเซฟ 7 แชมเปี้ยนชิพพอยต์ตามตีเสมอ 20-20 แต่ทว่าท้ายที่สุดเป็น อัน เซ ยอง ที่ทำ 2 แต้มรวดปิดเกมไปที่ 22-20
สรุปผลการแข่งขัน เมย์ รัชนก แพ้ อัน เซ ยอง ไป 0-2 เกม คะแนน 17-21 , 20-22 คว้า อัน เซ ยอง เอาชนะไปได้ 2-0 เกม คว้ารองแชมป์รับเงินรางวัล 28,900 เหรียญสหรัฐ
หรือประมาณ 953,700 บาท ขณะที่ อัน เซ ยอง คว้าแชมป์ในระดับเวิลด์ทัวร์ 1000 เป็นครั้งแรก รับเงินรางวัล 59,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,963,500 บาท
ถึงเเม้ว่าจะได้เพียงตำเเหน่งรองเเชมป์ เเต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่ค่อยๆเรียกฟอร์มเก่งของสาวเมย์กลับมา ก่อนที่จะลงสนามอีกครั้งที่ประเทศสเปน
ขอบคุณข้อมูล:ratchanokmay,stadium_th