ร้านส้มตำ โดนเรียกเก็บภาษี 1.7 ล้าน

ถือว่าเป็นการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยได้ไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ สำหรับโครงการของรัฐบาลที่ออกมาก่อนหน้านี้เพื่อช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าจะเป็นโครงการ บัตรประชารัฐ หรือที่หลายคนเรียกว่า บัตรคนจน โครงการคนละครึ่ง  รวมไปทั้งโครงการเราชนะ หลายคนประหยัดค่าใช้จ่ายได้ได้เยอะเลยค่ะ

ซึ่งแต่ละโครงการก็จะมีข้อกำหนดหรือว่าวิธีการใช้ที่แตกต่างกันออกไป อย่างโครงการคนละครึ่งก็คือเวลาที่ประชาชนไปซื้อของก็จ่ายเงินเพียงครึ่งหนึ่งของสินค้า เพราะอีกครึ่งหนึ่งรัฐบาลจะเป็นฝ่ายออกให้ ได้วันละไม่เกิน 150 บาท ซึ่งก็มีหลายร้านค้าเลยที่ร่วมรายการ

แต่ถ้าใครที่ตามข่าวคงจะพอรู้ดีว่าดีช่วงหลังมานี้มีผู้ประกอบการหลายรายเลยที่ออกมาโพสต์ว่าตนเองนั้นโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งแต่ละรายก็จะโดนเรียกเก็บภาษีที่แตกต่างกันไปแล้วแต่รายได้ของร้านนั้นๆ ซึ่งบางร้านที่หนักจริงๆก็หลักแสน ไปจนถึงหลักล้านบาทเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งการเก็บภาษีของทางภาครัฐนั้นจะมีการคิดมาจากรายได้ของร้านนั้นๆว่ามีมากน้อยเพียงใด จะไม่เท่ากัน

ล่าสุดก็ทำเอาแม่ค้าส้มตำเครียดไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ หลังจากที่โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังมากถึง 1.7 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเยอะมากๆเลยทีเดียวค่ะ เกือบจะ 2 ล้านอยู่แล้วเชียว โดยทางผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Krekyut Competdee” ได้โพสต์ข้อความเอาไว้ว่า “ร้านส้มตำแถวบ้านโดนภาษีปี 63+ภพ.30+เบี้ยปรับ ไป 1,700,000 ใช่ครับ ล้านเจ็ด พิมพ์ไม่ผิด รีดเอาทุกอย่างจริงๆ”

งานนี้ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมากเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งหลายคนก็เห็นด้วยเพราะว่ามีรายได้ก็ต้องมีการจ่ายภาษี นอกจากนี้หลายคนยังเผยอีกว่าทางร้านน่าจะมีรายได้ดีเลยทีเดียว

คอมเมนต์รัวๆเลยว่า ถ้าหักจากกำไรก็โอเคนะคะ การจ่ายภาษีคือความภูมิใจค่ะ , รายได้เยอะก็ต้องจ่ายเยอะธรรมดา , มันคำนวนมาจากรายได้ไม่ใช่เหรอครับ , มีร้านขายของจำนวนมาก ที่ “ไม่เคยเสียภาษีแม้แต่บาทเดียว” ?? ,

หึหึ จ่ายภาษีคือเรื่องไม่เป็นธรรมไปเสียแล้ว เค้าเก็บตามเกณฑ์ตามรายได้เหมือนกันหมดแหละ , ถ้าจ่ายก็ดีครับได้มากจ่ายมากได้น้อยไม่ต้องจ่ายเลย เป็นคนหนึ่งที่ยอมจ่ายครับดีกว่าไม่ได้จ่ายไม่ใช่ว่าเลี่ยงภาษีแต่รายได้ไม่ถึง , มาเก็บตอนนี้บอกเลย….ไม่มีให้

ขอขอบคุณ : Krekyut Competdee