เป็นเรื่องราวที่ทำเอาคนเป็นเเม่ถึงกับปวดใจอยู่ไม่น้อย เมื่อทางเพจ ฅนข่าว ต้นปราการ ได้ออกมาเผยเรื่องราวของเเม่ลูกคู่หนึ่งว่า ” ยิ่งมาเจอเคสนี้ยิ่งสงสารและสมเพชประเทศไทย ต่อวิกฤตนี้ 02.53 มีสายโทรศัพท์เข้า ขอความช่วยเหลือเร่งด่วน โดยแจ้งกับผมว่า ขณะนี้ บุตรชายวัย 8 เดือน มีอาการตัวร้อนและไข้สูง และมีปัญหาระบบเม็ดเลือดขาว
เสี่ยงต่อภาวะช็อกมาก แม่เด็กพาลูกไปที่รพ.บางพลีแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ของโควิดในรพ.ก็ไม่สู้ดี และมีการประกาศของดให้บริการผู้ป่วยนอก เจ้าตัวจึงอุ้มลูกออกจากรพ ไปที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 ทางโรงพยาบาลตรวจเบื้องต้น แจ้งว่าจะต้องนอนรพ.แต่มีค่าใช้จ่ายหลักหมื่น ที่ทางแม่ต้องจ่ายเงิน ด้วยความไม่มีเงิน อีกทั้งห่วงลูกและกลัวลูกชักและได้รับอันตรายมากกว่านี้
ผมแนะนำไปรพ.บางบ่อ สุดท้ายก็ไม่รับผู้ป่วยนอกเช่นกัน จะให้ไปรามา ก็กลัวจะเสียเงินมากไม่พอจ่ายอีก กลายเป็นว่านี่พวกเราเข้าสู่ยุคที่เจ็บไข้ได้ป่วย แทบจะหาโรงพยาบาลรักษาไม่ได้แล้วใช่ไหม? คนจนๆจะไม่ทีที่รักษาใช่ไหม หากจะรักษาต้องรอแล้วรออีกใช่ไหม? เพราะพิษโควิดที่มันทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ใช่ไหม?
แล้วผมจะช่วยเคสนี้ได้อย่างไรเพื่อให้เด็กมีโรงพยาบาลตรวจรักษาช่วยชีวิตเด็กคิดในหัวจนนอนไม่หลับ จะติดต่อใครได้ในเวลาตีสามตีสี่แบบนี้ เขาคงหลับกันหมด โดยเฉพาะผู้บริหารของโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นจุฬารัตน์ 3 หรือโรงพยาบาลบางพลี หากได้คุยเหตุและผลผมเชื่อว่า ท่านคงสั่งการให้รับรักษาเคสนี้ เพื่อช่วยเหลือเด็กแน่นอน
ลองโทรศัพท์ประสาน ไปยัง นพ.พิเชษฐ พัวพันกิจเจริญ ผอ.โรงพยาบาลบางพลี สายแรกไม่รับ….ก็เข้าใจว่าเวลานี้มันเป็นเวลา ที่ทุกคนหลับสบายกันหมด จะโทรหาผู้บริหารจุฬารันต์ ก็เกรงใจเอาว่ะ โทรเข้า 1669 ขอคำแนะนำ เผื่อหาทางออกได้ โทรไปก็ได้คำตอบที่ดีและคำแนะนำที่ดี
แต่ที่ดีกว่าคือสุดท้าย ท่านผอ.รพ.บางพลี โทรกลับมาหาผมและได้เล่าเรื่องราวให้ท่านฟัง ซึ่งท่านเองก็ห่วงเด็กเช่นกันจึงให้ผมประสานมารดานำเด็กกลับไปตรวจที่รพ.บางพลีโดยทางผอ.จะประสานทางรพไว้รอเฮ้อ….สรุปคือต้องขอบคุณทางผอ.รพ.บางพลีที่ท่านมีเมตตา เคสแบบนี้ผมเข้าใจทั้งสองฝ่ายนะ ไม่ว่าจะทางด้านรพ.ที่กำลังเผชิญหน้ากับโควิดอย่างหนัก
อีกทั้งบุคลากรทางแพทย์ก็เหลือน้อย พอไปเอกชนก็แน่นอนว่าเขาทำตามระบบของเอกชน ส่วนมารดาด้วยความรักและห่วงลูกต่อให้ต้องพาลูกนั่งรถวนไปเวียนมาก็เพื่อหารพให้รักษา แต่ไม่มีรพไหนรับนี่ไงทีนี้รู้กันยังว่าไอ้โควิดมันรุนแรงและส่งผลกระทบกระจายวงกว้างไปยังคนไข้รายอื่นอีกมากมายสุดท้ายของน้องหนูน้อยปลอดภัยและกลับมาแข็งแรงนะครับ”
ขอบคุณข้อมูล:ฅนข่าว ต้นปราการ